วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2556
สัปดาห์ที่3

  -ในสัปดาห์นี้อาจารย์ได้สอนเนื้อหาต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว 
    เรื่อง เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย และสุขภาพ และ เรื่องเด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด และ ภาษา

4. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย และสุขภาพ (Children with Physical and Health  Impairments) มีดังนี้ คือ
    - เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน
    - อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
    - มีปัญหาทางระบบประสาท
    - มีความลำบากในการเคลื่อนไหว

  เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย และสุขภาพ  จำแนกได้เป็น 2 ประเภท  
    1.อาการบกพร่องทางร่างกาย
    2.ความบกพร่องทางสุขภาพ

    1.อาการบกพร่องทางร่างกาย 
         เด็กซีพี (Cerebral Palsy) 
    - เป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ หรือ เป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด
    - การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพีมีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่างๆของสมองแตกต่างกัน 

อาการของโรค
-อัมพาตเกร็งแขนขา หรือ ครึ่งซีก (Spastic)
-อัมพาตของลีลาการเคลื่อนไหวผิดปกติ (Athetoid)
-อัมพาตสูญเสียการทรงตัว (Ataxia)
-อัมพาตตึงแข็ง (Rigid)
-อัมพาตแบบผสม (Mixed)

กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)
-เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ส่วนนั้นๆ เสื่อมสลายตัว
-เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้  นอนอยู่กับที่ 
-จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม

โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ  (Orthopedic)
   คือ ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก (Club Foot)กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อน เนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida)
-ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ (Infection) เช่นวัณโรค กระดูก  หลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนองเศษกระดูกผุ
-กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ

โปลิโอ (Poliomyelitis)
    คือ มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญา
- ยืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริม
- แขนขาด้วนแต่กำเนิด ( Limb Deficiency)

โรคกระดูกอ่อน ( Osteogenesis  Imperfeta )

   2. ความบกพร่องทางสุภาพ
     โรคลมชัก (Epilepsy)
    เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องจากความผิดปกติของระบบสมอง 
   - ลมบ้าหมู (Grand Mal) 
     - เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ และหมดความรู้สึก ในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
   - การชักในช่วงเวลาสั้นๆ (Petit Mal)
     - มีอาการ ชักชั่วระยะสั้นๆ5-10 วินาที 
     - เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงัก ในท่าก่อนชัก 
     - เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
  - การชักแบบรุนแรง ( Grand Mal) 
     - เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราวๆ 2-5 นาที จากนั้นจะหาย และ นอนหลับไปชั่วครู่
  - อาการชักแบบ (Partial Complex) 
     - เกิดอาการเป็นระยะๆ 
     - กัดริมฝีปาก ไม่รู้สึกตัว ถูตามแขนขา เดินไปมา 
     - บางคนอาจเกิดความโกรธ หรือโมโห หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก
  - อาการแบบไม่รู้ตัว (Focal Partial) 
     - เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง  ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก

โรคอื่นๆ ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคศรีษะโต โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เลือดไหลไม่หยุด เป็นต้น

  ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
     -มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
     -ท่าเดินคล้ายกรรไกร
     -เดินขากะเผลก หรือ อึดอาดเชื่องช้า
     -ไอเสียงแห้งบ่อยๆ
     -มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง
     -หน้าแดงง่าย  มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปาก หรือ ปลายนิ้ว 
     -หกล้มบ่อยๆ
     -หิวและกระหายน้ำอย่างเกินกว่าเหตุ

 5.เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด และภาษา (Children with Speech and Language Disorders) 
   เด็กที่พูดไม่ชัด ออกเสียงผิดเพี้ยน อวัยวะที่ใช้ในการพูดไม่สามารถเป็นไปตามลำดับขั้น  การใช้อวัยวะเพื่อการพูดไม่เป็นไปดังตั้งใจ มีอากัปกิริยาที่ผิดปกติขณะพูด

  1.ความผิดปกติด้านการออกเสียง
     -ออกเสียงผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐานของภาษาเดิม 
     -เพิ่มหน่วยเสียงเข้าในคำโดยไม่จำเป็น
     -เอาเสียงหนึ่งมาแทนอีกเสียงหนึ่ง เช่น กวาด  เป็นฟาด
  2.ความผิดปกติด้านจังหวะเวลาของการพูด เช่น การพูดรัว การพูดติดอ่าง
  3.ความผิดปกติด้านเสียง 
     -ระดับเสียง 
     -ความดัง
     -คุณภาพของเสียง
  4.ความผิดปกติทางการพูด และภาษาอันเนื่องมาจาก พยาธิ สภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า (Dysphasia หรือ aphasia) มีดังนี้
    4.1 Motor aphasia 
       -เด็กที่เข้าใจคำถาม หรือคำสั่ง แต่พูดไม่ได้ ออกเสียงลำบาก 
       -พูดช้าๆพอพูดตามได้บ้างเล็กน้อย บอกชื่อสิ่งของพอได้
       -พูดไม่ถูกไวยากรณ์
    4.2 Wernicke 's apasia 
       -เด็กที่ไม่เข้าใจคำถาม หรือคำสั่งได้ยินแต่ไม่เข้าใจ ความหมาย
       -ออกเสียงไม่ติดขัด แต่มักใช้คำผิดๆ หรือใช้คำอื่นซึ่งไม่มีความหมายมาแทน
    4.3 Conduction aphasia 
       -เด็กที่ออกเสียงได้ไม่ติดขัด เข้าใจคำถามดี แต่พูดตาม หรือ บอกชื่อสิ่งของไม่ได้ มักเกิดร่วมไปกับอัมพาตของร่างกายซีกขวา
    4.4 Nominal aphasia 
       -เด็กที่ออกเสียงได้ เข้าใจคำถามดี พูดตามได้ แต่บอกชื่อวัตุไม่ได้เพราะลืมชื่อ บางทีก็ไม่เข้าใจความหมายของคำ มักเกิด ร่วมไปกับ Gerstmann's syndrome
    4.5 Global aphasia 
       -เด็กที่ไม่เข้าใจทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน 
       -พูดไม่ได้เลย
    4.6 Sensory agraphia 
       -เด็กที่เขียนเองไม่ได้ เขียนตอบคำถาม หรือ เขียนชื่อวัตถุ ก็ ไม่ได้ มักเกิดร่วมกับ Gerstmann's syndrome
    4.7 Motor agraphia 
       -เด็กที่ลอกตัวเขียน หรือ ตัวพิมพ์ ไม่ได้
       -เขียนตามคำบอกไมได้
    4.8 Cortical alexia 
       -เด็กที่อ่านไม่ออก เพราะไม่เข้าใจภาษา
    4.9 Motor alexia
       -เด็กที่เห็นตัวเขียนหรือตัวพิมพ์ เข้าใจความหมาย แต่อ่านออกเสียงไม่ได้
    4.10 Gerstmann's syndrome
       -ไม่รู้ชื่อนิ้ว (Finger agnosia)
       -ไม่รู้ชี้ซ้ายขวา (Allochiria)
       -คำนวณไม่ได้ (Acalculia)
       -เขียนไม่ได้ (Agraphia)
       -อ่านไม่ออก(Alexia)
    4.11 Visual agnosia 
       -เด็กที่มองเห็นวัตถุ แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร บางทีบอกชื่อนิ้วตัวเองไม่ได้
    4.12 Auditory agnosia
       - เด็กที่ไม่มีความบกพร่องทางการได้ยิน แต่แปลความหมายของคำ หรือประโยคที่ได้ยินไม่เข้าใจ

  ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
     -ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบาๆ และอ่อนแรง
     -ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10เดือน
     -ไม่พูดภายในอายุ 2ขวบ
     -หลัง 3 ขวบ แล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
     -ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
     -หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถาศึกษา
     -มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
     -ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น